‘บ้านดีมีดาวน์’ รัฐช่วยผ่อนดาวน์บ้าน 5 หมื่นบาท

‘บ้านดีมีดาวน์’ รัฐช่วยผ่อนดาวน์บ้าน 5 หมื่นบาท

บ้านดีมีดาวน์ คืนเงิน 5 หมื่น – เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบในหลักการมาตรการ/โครงการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และอนุมัติงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 5,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 และปีต่อ ๆ ไป 30,833.94 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย จำนวน 707.7 ล้านบาท โครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2562/63 ในส่วนเพิ่มเติม จำนวน 2,667.35 ล้านบาทและโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63 จำนวน 27,458.89 ล้านบาท ตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังฯ โดยมอบหมายให้ ธ.ก.ส. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป

เนื่องจากเครื่องชี้เศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปียังคงมีแนวโน้มชะลอตัว  

และอาจทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2562 ชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้  กระทรวงการคลังเห็นสมควรเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2562 และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น โดยหนึ่งในโครงการที่น่าสนใจคื บ้านดีมีดาวน์

บ้านดีมีดาวน์เป็นมาตรการ มาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนที่มีรายได้ปานกลางและอยู่ในระบบฐานภาษีของกรมสรรพากรมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยภาครัฐสนับสนุนเงินเพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) รวมถึงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ และลดภาระของประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง

กลุ่มเป้าหมาย : ประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองโดยมุ่งเน้นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือ ไม่เกิน 1,200,000 บาทต่อปี และเป็นผู้ที่อยู่ในระบบฐานภาษีอากรของกรมสรรพากร จำนวน 100,000 ราย

ประเภทที่อยู่อาศัย : ที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว ห้องชุด และอาคารพาณิชย์ สำหรับที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จแล้ว ทั้งนี้ ไม่รวมที่อยู่อาศัยมือสองและทรัพย์สินรอการขาย (Non-Performing Assets: NPA) ของสถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ และไม่รวมทรัพย์รอการขายของกรมบังคับคดี

วิธีดำเนินโครงการ : ผู้เข้าร่วมมาตรการต้องเป็นผู้ที่อยู่ในระบบฐานภาษีของกรมสรรพากร และมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 1,200,000 บาทต่อปี และผ่านเกณฑ์ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่งจะได้รับสิทธิผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดย ธอส. จะโอนเงิน จำนวน 50,000 บาท เข้าบัญชีของผู้ได้รับสิทธิ เพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back)

งบประมาณ : ธอส. ขอรับจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ธอส. จะทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดต่อไป

สถานีข่าวกระทรวงการคลัง รายงานว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มในระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 ขณะที่กำหนดการวันลงทะเบียน อ้างอิงจาก ข่าวสดออนไลน์ ระบุว่า ผู้ที่ได้สิทธิ์ได้รับเงินดาวน์คืน จะต้องไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ WWW.บ้านดีมีดาวน์.COM ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.2562 เป็นต้นไป

ปูทางให้พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่สามารถทำงานในสายเทคโนโลยีได้ ด้วยการสนับสนุนจากGeneration: You Employedซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรในระดับโลก

แกร็บและไมโครซอฟท์จะปูทางให้พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ที่สนใจในอาชีพด้านเทคโนโลยี โดยการสนับสนุนจากGeneration: You Employed องค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านการสร้างทักษะในการทำงาน โดยโปรแกรมนี้จะครอบคลุมถึง หลักสูตรการฝึกปฎิบัติพัฒนาโดยGeneration และยังเปิดโอกาสให้ได้รับประกาศนียบัตรจากไมโครซอฟท์ ซึ่งผู้ที่เรียนจบโครงการนี้สามารถสัมภาษณ์งานกับบริษัทพันธมิตรของแกร็บและไมโครซอฟท์ได้ในตำแหน่งด้านเทคโนโลยี

โครงการทดลองแรกจะเริ่มในประเทศสิงคโปร์ซึ่งจะเพิ่มทักษะให้กับพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่จำนวน100คน โดยจะเริ่มฝึกอบรมกลุ่มแรกในปีเดือนมิถุนายนปีหน้า นอกจากนี้โปรแกรมนี้ยังจะได้รับการบรรจุในแผนการของโครงการSkillsFuture ของการพัฒนาแรงงานและสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อสนับสนุนการทำงานของพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่แกร็บชาวสิงคโปร์อย่างเป็นระบบ และจะเปิดตัวในประเทศอื่นหลังจากการประเมินโครงการแรก

หัวใจหลักของโปรแกรม‘แกร็บเพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ คือการที่ทุกคน ไม่ว่าจะมีภูมิหลังอย่างไรหรือศักยภาพด้านไหน ก็สามารถได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล 

ตั้งแต่วันนี้ แกร็บจะขยายโครงการ‘Break the Silence’ไปยังอินโดนีเซียและสิงคโปร์ รวมถึงการพัฒนาโครงการในมาเลเซียและไทยที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยแกร็บมีพาร์ทเนอร์หูหนวกมากกว่า500 คนบนแพลตฟอร์ม และวางแผนที่จะเพิ่มจำนวนอีก 2 เท่าภายในปีต่อมา

โดยในสัปดาห์หูหนวกโลกปีนี้ (วันที่ 23 – 30กันยายน) แกร็บจะเปิดตัวการเป็นพันธมิตรกับ Gerkatin ในอินโดนีเซีย สหภาพคนหูหนวกแห่งมาเลเซีย สมาคมคนหูหนวกแห่งสิงคโปร์ และสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนหูหนวกและผู้มีความบกพร่องทางการได้ยินในภูมิภาค

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป