DSI ออกโรงเตือนประชาชนระวัง มิจฉาชีพ แอบอ้างเป็น จนท. ของดีเอสเอ หลอกโอนเงิน แนะรีบวางสายทันที หรือ ติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชีหากโอนเงินไปแล้ว เพจเฟซบุ๊กของ กระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความประชาสัมพันธ์เตือนภัย มิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อที่จะหลอกให้ประชาชนโอนเงิน
โดยข้อความเฟซบุ๊กกล่าวว่า
“ด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับการแจ้งจากประชาชนผู้เสียหาย กรณีมีมิจฉาชีพสร้างกลอุบายรูปแบบใหม่ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อและโอนเงินให้ โดยมีลักษณะพฤติการณ์ คือ มิจฉาชีพดังกล่าวจะโทรศัพท์หาผู้เสียหายโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สังกัด ส่วนคดีฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมทั้งแจ้งหมายเลขบัตรประชาชน ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียหาย และแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีการฟอกเงิน โดยบัญชีของผู้เสียหายไปปรากฏอยู่ในคดีการฟอกเงินที่กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังดำเนินคดีอยู่ จึงขอให้มาให้ปากคำ และยืนยันตัวตนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ มิฉะนั้นจะมีความผิด และถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดี ขอให้ผู้เสียหายโอนเงินไปให้คนร้าย โดยมีการแจ้งเลขบัญชีและแอบอ้างชื่อปลอม
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่า ในการติดต่อราชการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าพนักงานจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย กล่าวคือจะมีหนังสือเรียกหรือเชิญมาพบเพื่อสอบสวน จะไม่มีการประสานติดต่อให้พี่น้องประชาชนทำธุรกรรมผ่านทางการพูดคุยโทรศัพท์อย่างแน่นอน หากผู้ใดมีพฤติการณ์โทรศัพท์ติดต่อไปยังท่านและอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือหน่วยราชการใด ไม่ว่าจะด้วยหมายเลขโทรศัพท์ใด
หากมีการแจ้งให้ท่านทำธุรกรรมทางการเงิน ไม่ว่าจะให้เหตุผลอย่างไรก็ตาม ให้ท่านทราบว่าเป็นกระบวนการที่หลอกลวง ให้ท่านวางสายโทรศัพท์ทันที ทั้งนี้ หากท่านหลงเชื่อการหลอกลวงดังกล่าว และโอนเงินไปแล้ว ขอให้รีบแจ้งธนาคารเจ้าของบัญชี และแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุทันที โดยในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหมายให้ กองบริหารคดีพิเศษ ประมวลข้อเท็จจริง รายงานเสนอ เพื่อดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับขบวนการในเรื่องดังกล่าวอีกทางหนึ่งแล้ว”
เพื่อนบ้านเล่านาที สจ.ดำ ปลิดชีพลูก-เมียยกครัว ได้ยินเสียงตะโกน “พ่ออย่าทำ” ตำรวจคาดปมปัญหาหนี้สิน แต่ยังไม่สรุป ขอรอหลักฐานให้ชัดเจน เหตุการณ์ฆ่ายกครัว 4 ศพ ภายในทาวน์โฮม 3 ชั้น ย่านกรุงเทพกรีฑา กทม. โดยผู้ก่อเหตุ คือ นายธวัชชัย ทองอ่อน อายุ 48 ปี หรือ “ส.จ.ดำ” ซึ่งใช้อาวุธปืนปลิดชีพภรรยาและลูกน้อยอีก 2 คน โดยรายงานจาสกสำนักข่าว เดลินิวส์ ระบุ ในวันเดียวกันยังพบนาวาตรี สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยชื่อดัง ซึ่งได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวในวันเกิดเหตุว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปที่ร้านอาหารของ สจ.ดำ เพื่อนัดไกล่เกลี่ยเรื่องธุรกิจ กระทั่งมาได้รับแจ้งจากตำรวจว่าผู้ตายก่อเหตุฆ่ายกครัวไปแล้ว จึงเดินทางมาที่เกิดเหตุ
สำหรับปมการฆ่ายกครัวครั้งนี้ เบื้องต้นตำรวจ สันนิษฐานว่า สาเหตุเกิดจากปัญหาหนี้สิน อย่างไรก็ตามต้องสืบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะที่จากการสอบถามเพื่อนบ้านคาดว่า นายธวัชชัย ได้ใช้อาวุธปืนยิงภรรยาก่อนคนแรก เนื่องจากได้ยินเสียงลูกสาวตะโกนบอก พ่ออย่ายิง ๆ ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นอีก 3 นัด ก่อนพบว่าเสียชีวิตทั้งหมดรวม 4 คน ส่วนรายละเอียดอยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภายในบ้าน เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืน จำนวน 5 กระบอก เป็นปืนสั้น 2 กระบอก เเละปืนยาว 3 กระบอก
ตำรวจเมากร่าง เตะหน้าเด็ก 17 เหตุไม่ชอบกะเทย เบ่งใหญ่โตทำร้ายใครก็ได้
ตำรวจชลบุรีเมากร่าง ซ้อมเด็ก 17 ผู้เสียหายเล่า ถูกด่า ไม่ชอบกะเทย แถมโดนขู่ เป็นคนใหญ่คนโตจะทำร้ายใครก็ได้ ล่าสุดต้นสังกัดเรียกตัวมาสอบแล้ว เหตุการณ์ตำรวจชลบุรีเมากร่างรายนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก พายุวัฒน์ ดีหอมศิล โพสต์ เผยให้เห็นภาพชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดตำรวจครึ่งท่อน พร้อมถือขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนจะกระชากแขน นายพายุวัฒน์ หรือ น้องมอส วัย 17 ปี ให้ลงมานั่งคุกเข่าที่พื้นก่อนจะเตะเข้าไปที่ใบหน้า 1 ครั้ง ก่อนที่จะมีชายคนหนึ่งเดินมาห้ามปราม และมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งตะโกนว่า “ขอโทษน้องกู” และปาแก้วใส่ตำรวจคนดังกล่าว
น้องมอส เล่าว่า ตนและเจ้าของร้านสะดวกซื้อซึ่งเป็นคนที่ปาแก้วนั้นได้นัดเจอกันที่ชายหาดบางแสน ก่อนจะชวนกันมานั่งที่หน้าร้าน ซึ่งตนมาเป็นครั้งแรก เมื่อมาถึงร้านก็เห็นกลุ่มของตำรวจที่ก่อเหตุนั่งดื่มเหล้าอยู่ก่อนแล้ว โดยขณะที่ตนนั่งอยู่ในรถ ไม่นานตำรวจที่ก่อเหตุก็มาเคาะกระจกเรียกให้ตนลงจากรถ ตนจึงลงไปนั่งบนเก้าอี้แต่ถูกบังคับให้นั่งที่พื้นก่อนจะถูกเตะตามคลิป จากนั้นตำรวจคนนี้ก็ด่าตนว่า “กูไม่ชอบกระเทย” ช่วงเกิดเหตุยังพูดข่มขู่ว่าใหญ่โตสามารถทำร้ายใครก็ได้ ไม่กลัวใคร และทราบข่าวว่าได้ทำแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง
ทั้งนี้จากคำบอกเล่าของผู้เสียหาย พบว่าได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าขวาปูดบวม ปากแตก และมีอาการหวาดกลัวอย่างหนัก โดยเจ้าตัวต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขณะที่ความคืบหน้าของคดี MGR Online รายงานว่า ทางตำรวจสน.แสนสุข ได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง และเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจที่ก่อเหตุแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เพื่อชันสูตรบาดแผล ประกอบสำนวนการสอบสวน จากนั้นจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจกับตำรวจคนดังกล่าวตามขั้นตอนต่อไป
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป