ปริญญ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค เดินเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่เชียงใหม่ ด้านตำรวจลั่นพร้อมคัดค้านประกันตัว อยู่ที่ศาลว่าจะอนุญาตฝากขังหรือไม่ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองผู้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับคดีล่วงละเมิดทางเพศจากหญิงหลายคน ได้เดินทางเข้ามอบตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหากับ สภ.เมืองเชียงใหม่
หลังจากหญิงสาวอายุ 25 ปี หนึ่งในเหยื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่
ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา หลังถูกนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ลวนลาม เหตุเกิดวันที่ 5 มีนาคม 2564 ด้าน พ.ต.อ.ภูวนาภ ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนได้ประสานไปที่นายปริญญ์ หลังจากสืบสวนและรวบรวมพยานพลักฐานและพบว่า น่าเชื่อว่าจะมีพฤติกรรมกระทำความผิดจริง จึงติดต่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากเหตุเกิดที่เชียงใหม่ ในข้อหากระทำอนาจารผู้เสียหายต่อหน้าธารกำนัล
ซึ่งขั้นตอนของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ คือ แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวขออำนาจศาลฝากขังทางระบบออนไลน์ พร้อมคัดค้านการประกันตัว และอยู่ที่อำนาจศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่
“คดีนี้เกิดเหตุต่างกรรมต่างวาระ ไม่ต่อเนื่องกัน ต้องแยกเป็นคนละสำนวนให้เห็นถึงพฤติกรรมการกระทำผิดของผู้ต้องหา โดยจุดเกิดเหตุเป็นโรงแรมลักษณะรีสอร์ท พื้นที่ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งในส่วนของพยานหลักฐานพนักงานสอบสวนพยายามหาอย่างเต็มที่ แต่ด้วยระยะเวลาที่เกิดคือวันที่ 5 มีนาคม 2564 แล้ว แต่จะรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ ประมวลได้ว่าผู้ต้องหามาเชียงใหม่จริงและทำกิจกรรมตามที่ผู้เสียหายให้การสอดคล้อง เชื่อว่ามีมูลเหตุกระทำความผิด”
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ หญิงอายุ 25 ปีได้ให้ปากคำว่า รู้จักกับนายปริญญ์ครั้งแรก ที่งานสัมมนาในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนายปริญญ์ ได้รับเชิญมาร่วมงาน จากนั้นก็แลกเบอร์ติดต่อกันไว้ ต่อมาเมื่อต้นปี 2564 นายปริญญ์ ติดต่อมาว่าจะเดินทางมาสัมมนาที่เชียงใหม่อีก เรื่องการลงคริปโต ตนสนใจจึงเดินทางไปยังโรงแรมที่จัดงาน แต่ไม่พบว่ามีการจัดงานหรือใครเข้าร่วมงาน
โดยนายปริญญ์ได้พาเข้าไปในห้องซึ่งน่าจะเป็นห้องพัก ก่อนจะชวนคุยเรื่องการศึกษา และขอดูลายมือ เธอเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีมาที่ประตูห้อง นายปริญญ์วิ่งตามมาและลงมือลวนลามกอดจูบ ตนจึงผลักนายปริญญ์ออก และวิ่งหนีมาที่ลานจอดรถ เมื่อกลับถึงบ้านก็เล่าให้แม่ฟังแต่ไม่กล้าแจ้งความเพราะกลัวอิทธิพลของนายริญญ์ที่เป็นนักการเมืองและคนมีชื่อเสียง
ชื่นมื่น! ‘ประยุทธ์’ พบนายกญี่ปุ่น หารือต่อยอดความร่วมมือระดับประเทศ
ประยุทธ์ พบกับ คิชิดะ ฟูมิโอะ นายกญี่ปุ่นพร้อมคณะ เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่น รวมถึงหารือต่อยอดความร่วมมือระดับประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เปิดเผยถึงเดินทางเข้าเยี่ยมพบของ นาย คิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น พร้อมด้วยคณะที่เดินทางมายังประเทศไทยในช่วงวันที่ 1-2 พ.ค.
โดยข้อความระบุว่า “ช่วงวันที่ 1-2 พ.ค.นี้ ประเทศไทยได้มีโอกาสที่ดียิ่ง ในการให้การต้อนรับการเยือนอย่างเป็นทางการ ของนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และคณะกว่า 100 คน ซึ่งเป็นผู้แทนระดับสูงจากหลายกระทรวงสำคัญของญี่ปุ่น ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยว รวมทั้งกระทรวงกลาโหม นับเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการในระดับนายกรัฐมนตรี ครั้งแรกในรอบ 9 ปี เพื่อสานต่อและขยายผลความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ ที่มีมาอย่างยาวนาน 135 ปี ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
ผมมีความยินดีที่จะเรียนให้ทราบถึงความสำเร็จร่วมกัน จากการหารือเพื่อเพิ่มพูนความเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่นให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อย่างน้อย 8 ด้าน ดังต่อไปนี้
1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเสริมสร้างศักยภาพ Startup และ SMEs ให้มีนวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งการร่วมมือภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจ BCG ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียว ของทั้งสองประเทศ
2. การส่งเสริมการลงทุนจากญี่ปุ่น ในอุตสาหกรรมเป้าหมายสำคัญของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า-แบตเตอรี่-อะไหล่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีดิจิทัล และ BCG ทั้งในพื้นที่ EEC และทั่วทุกภูมิภาคของไทย ที่จะต้องพิจารณาส่งเสริมโดยตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่ต้นทาง-กลางทาง-ปลายทาง รวมทั้งเรื่องเวชภัณฑ์-ยา-เครื่องมือแพทย์ ซึ่งญี่ปุ่นก็เป็นหนึ่งในผู้ผลิตยาระดับโลก รัฐบาลก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้เกิดการลงทุน การวิจัย หรือขยายธุรกิจ โดยตั้งโรงงานผลิตยาในประเทศไทยให้มากขึ้น โดยไทยก็มีความพร้อมด้านบุคลากรทางการแพทย์ นักวิจัย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อส่งเสริมบทบาทของไทย ให้เป็น “ศูนย์กลางด้านสุขภาพและการแพทย์ (Healthcare, Wellness & Medical Hub)” ของโลก
3. การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายและพื้นที่ EEC การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยส่งเสริมการสร้างแรงงานทักษะสูง ใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่รองรับการลงทุนของญี่ปุ่น ผ่านสถาบันโคเซ็นในไทย (KOSEN Education Center) เพื่อมุ่งพัฒนาให้ไทยเป็น “ศูนย์กลางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์” ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป